กรณีตาม 1. และ 3. ห้างฯ สั่งซื้อสินค้าจากบริษัท A ซึ่งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้บริษัท ค. ในไทย ผลิตสินค้า ตามคำสั่งซื้อและส่งมอบสินค้าให้ห้างฯ การซื้อขายสินค้าระหว่างห้างฯ กับบริษัท ค. เข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าในราชอาณาจักร ตามมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นผู้ขายสินค้าได้มีการส่งมอบสินค้าในราชอาณาจักร ดังนั้น เมื่อห้างฯ จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าให้กับบริษัท ค. ห้างฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัท ค. มีหน้าที่ เสียภาษี ในอัตราร้อยละ 7.0 โดยห้างฯ ต้องนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวด้วยแบบ ภ.พ.36 ภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือน ของเดือนที่จ่ายเงิน ตามมาตรา 83/6(1) แห่งประมวลรัษฎากร ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ห้างฯ ได้นำส่งดังกล่าว ถือเป็นภาษีซื้อในการ คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม และใบเสร็จรับเงินที่กรมสรรพากรออกให้สำหรับการรับชำระภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวถือเป็นใบกำกับภาษี ซึ่งห้างฯ มีสิทธินำภาษีซื้อดังกล่าวมาหักออกจากภาษีขายในเดือนที่มีการนำส่งภาษี ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/1(18)(ค) มาตรา 86/4 และมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีห้างฯ มิได้หักและนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัท ค. มีหน้าที่เสีย ห้างฯ ต้องรับผิดร่วมกันกับบริษัท ค. ในการเสีย ภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่มิได้หักและนำส่ง พร้อมทั้งเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษี ที่ต้องนำส่ง ตามมาตรา 83/6 และมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร เงินเพิ่มดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ให้งดหรือ ลดได้ รวมทั้งห้างฯ ต้องระวางโทษปรับกรณีไม่ได้นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 90(5) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ห้างฯ ไม่ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับ
|