News

ทั่วไป ขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ - ได้ทางมรดก 2

เลขที่หนังสือ : กค 0706/2168
     
วันที่ : 4 มีนาคม 2546
     
เรื่อง :

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายเงินค่าซื้อหุ้นสามัญ

     
ข้อกฎหมาย : มาตรา 42(9), มาตรา 50(2)
     
ข้อหารือ :

ลูกค้าของบริษัท ก. มีความประสงค์จะซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้ามรดกระบุไว้ในพินัยกรรมให้ผู้จัดการมรดกจัดตั้งบริษัท (ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) โดยให้นำเอาที่ดินมรดกไปเป็นทุนของ 
บริษัท ตีมูลค่าชำระเป็นทุนของบริษัทเท่ากับราคาตลาดของที่ดินในขณะนั้น แล้วมอบให้แก่บุตรทุกคนเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว โดยในพินัยกรรมได้ระบุห้ามไม่ให้มีการซื้อขายหุ้นดังกล่าวกับบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่บุตรของเจ้ามรดก หนึ่งในผู้ถือหุ้น (บุตรของเจ้ามรดก) ต้องการขายหุ้นที่ได้รับมาจากบริษัทซึ่งก่อตั้งตามพินัยกรรมของเจ้ามรดกให้กับผู้ถือหุ้นรายอื่น (บุตรของเจ้ามรดกเช่นเดียวกัน)  บริษัทฯ ขอหารือดังนี้ 

1. กรณีดังกล่าวถือเป็นการขายสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร ตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ ทั้งนี้ หากกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวได้รับการยกเว้นตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายเงินค่าซื้อหุ้นก็ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย  (จากกำไรของการโอนหุ้น) ไว้ตามมาตรา 50(2) แห่งประมวลรัษฎากร แต่หากเงินได้ดังกล่าวผู้ขายหุ้นไม่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ซื้อหุ้น (บุคคลธรรมดา) ก็มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากส่วนของกำไรที่เกิดจากการโอนหุ้นดังกล่าว แล้วนำส่งกรมสรรพากร 

2. จากข้อเท็จจริงตามข้อ 1. การคำนวณหากำไรจากการขายหุ้นดังกล่าว ผู้ขายจะนำเอาต้นทุนของหุ้นดังกล่าว คือ ราคาพาร์ ณ วันแรกที่ก่อตั้งบริษัทมาหักออกจากรายได้จากการขายหุ้นได้ใช่หรือไม่ ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้ามรดกให้นำเอาที่ดินของเจ้ามรดก โอนเข้าเป็นหุ้นของบริษัทดังกล่าว และให้ทายาทเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว โดยวิธีปฏิบัติในการลงทุนของผู้ถือหุ้นนั้น ในทางปฏิบัติได้ทำการโอนลัดขั้นตอนแทนที่จะโอนที่ดินมรดกจากเจ้ามรดกไปให้ทายาท แล้วทายาทโอนเข้าไปเป็นทุนของบริษัทตามส่วนของผู้ถือหุ้นแต่ละคน กรณีนี้ใช้วิธีโอนจากกองมรดกเข้าไปเป็นทุนของบริษัทและมีชื่อบริษัทเป็นเจ้าของที่ดินเลย สำหรับการกำหนดทุนก่อตั้งของบริษัท ได้ใช้วิธีการตีราคาที่ดินตามราคาตลาด ณ วันที่โอนเข้าบริษัทเพื่อเป็นทุนในการจัดตั้ง กรณีดังกล่าวจะถือว่ามูลค่าของต้นทุนของหุ้นที่ขายเป็นราคาเท่ากับมูลค่าหุ้นราคาพาร์ ณ  วันก่อตั้งบริษัท ถูกต้องหรือไม่ 

3. ในการจ่ายชำระค่าหุ้นที่ซื้อตามข้อ 1. ผู้ซื้อกับผู้ขายได้ตกลงแบ่งจ่ายชำระค่าหุ้นออกเป็นงวด ๆ เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 12 ปี 8 เดือน ในการหักภาษี ณ ที่จ่าย ผู้จ่ายเงินจึงมีหน้าที่หักภาษี ณ  ที่จ่ายไว้ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน กรณีผู้ขายมีกำไรจากการขายหุ้น ผู้จ่ายเงินได้มีการแบ่งจ่ายเงินค่าหุ้นออกเป็นงวด ๆ ดังนั้น ทุกครั้งที่จ่ายเงิน ก็จะเฉลี่ยในส่วนของต้นทุนและรายได้จากการขายหุ้น เพื่อหากำไรที่เกิดจากการขายหุ้นในแต่ละครั้ง และนำกำไรที่ได้มาคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(2)  แห่งประมวลรัษฎากร วิธีปฏิบัติดังกล่าวถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

     
แนววินิจฉัย :

1. เงินได้ที่เป็นผลประโยชน์จากการโอนหุ้น เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ช) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ผู้มีเงินได้ได้รับจากการขายหุ้นที่ได้ซื้อไว้ตามมาตรา 1106 และมาตรา 1107 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถึงแม้บริษัทดังกล่าวจะได้ตั้งขึ้นตามเงื่อนไขของพินัยกรรม ผู้ขายมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 48 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีไม่เข้าลักษณะที่จะได้รับยกเว้นตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(2) แห่งประมวลรัษฎากร ในการคำนวณหาประโยชน์จากการโอนหุ้น เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุนตามมาตรา 40(4)(ช) แห่งประมวลรัษฎากร ให้คำนวณจากมูลค่าหุ้นที่ขาย หักด้วยมูลค่าหุ้นตามราคาที่กำหนดต่อหุ้น (ราคาพาร์) ณ วันที่ซื้อหุ้น 

2. การตกลงแบ่งจ่ายชำระค่าหุ้นเป็นงวด ๆ ให้คำนวณหาประโยชน์จากการโอนหุ้นเฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน โดยคำนวณตามสัดส่วนของการแบ่งจ่ายชำระค่าหุ้นเป็นงวด ๆ ตามสัญญา

     
เลขตู้ :

66/32294